วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2563

7 ธุรกิจเครือข่ายน้องใหม่ฟอร์มยักษ์ทั้งของไทย และเทศ ยกพลพาเหรดเขย่าตลาดเมืองไทย


ฟีดข่าวออนไลน์ นำเสนอ 7 ธุรกิจเครือข่ายน้องใหม่ฟอร์มยักษ์ทั้งของไทย และเทศ ยกพลพาเหรดเขย่าตลาดเมืองไทย ค่ายเครือข่ายในไทย 3-4 บริษัทฟอร์มใหญ่จ่อเปิดตัวเร็วๆ  นี้

1.ค่าย Wellth ของคุณหมอดา ประธาน SLC​ GROUP​ และ Siam​ Laser​ Clinic​ โดยสินค้าที่จะนำเข้ามาทำการตลาดในช่วงแรกไม่พ้นกลุ่มความสวยความงาม (ตามถนัด) และกลุ่มอาหารเสริม ที่ตอนนี้กำลังระดมผู้นำเข้าไปติดบริษัท ได้วางผังโครงสร้างผู้นำกลุ่มแรกไปแล้ว เหลือรอเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้



2. ค่าย Inter Corporation Quality ICQ เจ้าของร่ำรวยมาจากการเป็นนักเทรดเดอร์ในตลาดฟอเร็กซ์ ตอนหลังหันมาเอาดีทางด้านการทำตลาดเครือข่ายสินค้า โดยเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้กลุ่มผู้นำที่เคยร่วมงานกันมาเข้าไปช่วยวางระบบ และปั่นกระแส คาดว่าเร็วๆ นี้จะดังกระหึ่ม!! อย่างแน่นอน





3.ค่ายมูมอร์ (MooMall) ของคุณบุญชัย ลิ่มอติบูลย์ หลานแท้ๆ ของเจ้าสัวธนินทร์ เจียวรวนนท์ ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายแรกของประเทศไทย ซึ่งตอนแรกคาดว่าจะเปิดตัวภายในเดือนมกราคม 2020 นี้ แต่เนื่องจากต้องรอดูคู่แข่งจะเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จึงต้องชะลอเปิดตัวออกไปก่อน แต่เมื่อเปิดตัวไปแล้วเชื่อว่าจะเขย่าตลาดธุรกิจเครือข่ายและธุรกิจตลาดออนไลน์สั่นสะเทือนอย่างแน่นอน





**ต่างชาติ 4-5 บริษัท ที่ตอนนี้กำลังเตรียมจะเปิดตัวมีทั้งอเมริกา มาเลเซีย ญี่ปุ่น และจีน

1.ค่ายจากอเมริกา ตอนนี้ได้ออฟฟิศแล้ว และกำลังเจรจากับผู้นำหลายกลุ่มในไทย เพื่อเป็นผู้นำต้นสายในไทย คาดว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์น่าจะเปิดตัวได้

2.ค่าย Volten จากมาเลเซีย ตอนนี้ได้ผู้นำเมืองไทยเข้าไปวางผังองค์กรกันแล้ว โดยได้ทีมบริหารจากอดีตค่าย RF 3 เข้าไปนั่งเป็น CEO ซึ่งแว่วๆ มาว่า ค่ายขายตรงจากมาเลย์จะมีโปรโมชั่นพิเศษมาเซอร์ไพรส์ เพื่อเรียกผู้นำเข้าไปแคมป์เร็วๆ นี้

3.ค่าย 4 Day จากญี่ปุ่น โดยมีผู้นำระดับต้นๆ ของบริษัทแห่งนี้ ได้เข้ามาจัดประชุมกันแถวรัชดาไปเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมคนก่อน ก่อนบริษัทแม่จะเข้ามาเปิดออฟฟิศอย่างเป็นทางการ

4.ค่ายอาลีน จากจีน เมื่อปลายปีที่แล้วค่ายนี้ได้พาผู้นำจากประเทศไทยไปเยี่ยมชมสำนักงานและโรงงานที่ประเทศจีนมาแล้ว แต่พอกลับมาทางกลุ่มผู้นำไม่ค่อยขยายตลาดต่อ เพราะติดขัดเรื่องของงบประมาณในการเดินทาง บวกกับกลุ่มผู้นำเขาทะเลาะกันเอง จึงทำให้ขายตรงค่ายจึงยังไม่เปิดตัว

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2563

‘ดี เน็ทเวิร์ค เวิลด์ไวด์’ ก้าวสู่ทศวรรษใหม่ ทุ่มกว่า 10 ล้านบาท เนรมิต แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซสมบูรณ์แบบแห่งแรกในไทย



 ดี เน็ทเวิร์ค เวิลด์ไวด์ ก้าวสู่ทศวรรษใหม่ ทุ่มกว่า 10 ล้านบาท เนรมิต แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซสมบูรณ์แบบแห่งแรกในไทย ตอกย้ำเบอร์ 1 ขายตรงออนไลน์




เฉลิมฉลองก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 อย่างยิ่งใหญ่สำหรับขายตรงออนไลน์เต็มรูปแบบแห่งแรกของประเทศ “ดี เน็ทเวิร์ค เวิลด์ไวด์” ที่มี 3 กุญซือสมองเพชรระดับแถวหน้าของเมืองไทย อย่าง “ดร.สาคร ใสกมล ประธานผู้ก่อตั้ง” “อ.ภูมิสนอง หล้าสุด และ อ.อุทัย แจ่มฟ้า ประธานผู้ร่วมก่อตั้ง”


ล่าสุดได้ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซที่สมบูรณ์แบบแห่งแรกของไทย โดยได้ทีมพัฒนาระบบขั้นเทพอย่าง DEPA ที่เขียนแอพพลิเคชั่นให้กับองค์กรต่างๆ มามากมาย ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มกราคม 2563 นี้


โดยวัตถุประสงค์ในการพัฒนาระบบแอพดังกล่าว เพื่อมาช่วยให้ตัวแทนหรือสมาชิกสร้างรายได้แบบต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งรูปแบบของแพลตฟอร์มดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับ Lazada, Shopee และ Alibaba โดยจะเปิดโอกาสให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สามารถนำสินค้าเข้ามาร่วมขายในแพลตฟอร์มนี้ได้เช่นกัน

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา ได้จัดงานเฉลิมฉลองก้าวสู่ปีที่ 11 โดยได้เชิญวงคาราบาวแบบเต็มวงมาสร้างเพลิดเพลินและเต็มความสุขให้กับสมาชิกทั้งในประเทศไทย กัมพูชา และสปป.ลาว นอกจากนี้ในงานยังได้แจกรางวัลให้สมาชิกที่ส่งคูปองร่วมชิงโชค อาทิ ทีวี, ตู้เย็น, โน๊ตบุ๊ก, รถจักรยานยนต์ 5 คัน และรางวัลใหญ่รถยนต์ MG 1 คัน สร้างความสุขให้กับสมาชิกและแฟนเพลงของวงคาราบาวที่เดินทางมาร่วมงานมากกว่า 3,000 คน











วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2563

มึน!! สคบ.ยัน PB. Smart Farmer ไม่ใช่ ‘ขายตรง’ โยนเผือก ‘กลต.’ พิพากษา อ้างทำได้แค่เตือนประชาชนให้ระวัง!!


สคบ.ยัน PB. Smart Farmer ไม่ใช่ ขายตรงโยนเผือก กลต.พิพากษา อ้างทำได้แค่เตือนประชาชนให้ระวัง!!



กระแสการชักชวนให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ บริษัท พี.บี.สมาร์ท ฟาร์มเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PB. Smart Farmer ยังคงหนักหน่วงอย่างต่อเนื่อง มีตัวแทนที่สมัครเป็นสมาชิกได้ชักชวนให้ทั้งบุคคลทั่วไปและนักธุรกิจเครือข่ายเข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัท ด้วยรูปแบบการจ่ายผลตอบแทนแบบธุรกิจเครือข่าย กล่าวคือ แนะนำสมาชิกใหม่มาลงทุนจะได้ค่าแนะนำและค่าโบนัสบริหารทีม เป็นต้น



โดยบริษัทมีแผนจะขยายโรงงานผลิตเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจจองหุ้นตามแพ็คเกจการลงทุนตั้งแต่ 1,0001,000,000 บาท ซึ่งบริษัทจะจ่ายเงินปันผลประจำสัปดาห์ทุกวันศุกร์ เป็นเวลา 50-95 สัปดาห์

ทั้งนี้ได้สอบถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ยืนยันว่า จากการเข้าไปตรวจสอบของสคบ.เมื่อปลายปี 2562 ที่ผ่านมา บริษัท พีบี.สมาร์ท ฟาร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PB. Smart Farmer ไม่ได้เข้าข่ายการเป็นบริษัทขายตรง เนื่องจากไม่ได้ขายสินค้า และไม่ได้มาขอจดทะเบียนกับสคบ.



อย่างไรก็ตาม สคบ.ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ทราบรายละเอียดแล้ว ซึ่งทางก.ล.ต.ได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนผ่านทางเว็บไซด์ของก.ล.ต.แล้ว ดังนั้นหน้าที่จึงอยู่ที่ก.ล.ต. ส่วนจะมีมาตรการอะไรออกมาหรือไม่ต้องไปถามก.ล.ต.

“สคบ.ได้ไปตรวจสอบมาแล้ว บริษัทไม่ได้ขายสินค้า และไม่ได้จดทะเบียนกับสคบ.เป็นเพียงการขายหุ้นของบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนเต็มจำนวน 350 ล้านบาท จึงไม่เข้าข่ายเป็นบริษัทขายตรงหรือตลาดแบบตรง สคบ.”



ก่อนหน้านี้ก.ล.ต. ออกมาระบุว่า หุ้น PB. Smart Farmer ไม่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ให้เสนอขายต่อประชาชนในประเทศไทย และไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. กำหนดขึ้นเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน เช่น อาจไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นและเพียงพอต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน หรืออาจเปิดเผยข้อมูลเท็จ หรืออาจเปิดเผยข้อมูลในลักษณะที่ทำให้ผู้ลงทุนเข้าใจผิด ดังนั้น ผู้ที่หลงเชื่อและลงทุนกับบริษัทดังกล่าวจึงอาจได้รับความเสียหาย และไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่อยู่ในการกำกับดูแลของ ก.ล.ต.



“ขณะนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยกรณีนี้อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ นอกจากนี้ ก.ล.ต. จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายอื่นด้วย

สำหรับผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบรายชื่อบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนได้ที่ www.sec.or.th และแอปพลิเคชัน “SEC Check First” นอกจากนี้ หากผู้ลงทุนมีข้อสอบถามหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการดำเนินการที่น่าสงสัย โปรดแจ้ง SEC Help Center ที่สายด่วน ก.ล.ต. โทร. 1207 เพื่อการตรวจสอบในเชิงลึก และในกรณีที่ตรวจพบว่าเข้าข่ายการกระทำที่อาจผิดกฎหมายอื่น ก.ล.ต. จะมีกระบวนการในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการต่อไป

วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2563

รู้ยัง!! สคบ.สั่งยุติใช้ตราสัญลักษณ์ สคบ.อย่างเป็นทางการ อ้างป้องกันเข้าใจผิดของผู้บริโภค


รู้ยัง!! สคบ.สั่งยุติใช้ตราสัญลักษณ์ สคบ.อย่างเป็นทางการ อ้างป้องกันเข้าใจผิดของผู้บริโภค


สืบเนื่องจากสคบ.ได้มีการมอบประกาศเกียรติคุณและตราสัญลักษณ์สคบ.คุ้มครองผู้บริโภค Consumer Protection (ตราสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยม) และตราสัญลักษณ์ สคบ. คุ้มครองผู้บริโภค Consumer Protection Guarantee Kingdom Of Thailand (ตราสัญลักษณ์รูปวงกลม) ให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจที่ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการ คุ้มครองผู้บริโภคและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และมีคุณสมบัติเฉพาะครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ของธุรกิจแต่ละประเภทระหว่างปี 2545-2556

โดยกำหนดระยะเวลาการให้ใช้ประกาศเกียรติคุณและตราสัญลักษณ์แต่ละประเภทเป็นเวลา 2 ปี นับแต่วันที่ผู้ประกอบธุรกิจได้รับมอบ และต่อมาได้ออกประกาศข้อบังคับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคว่า ด้วยการใช้เครื่องหมายรับรองตามสัญลักษณ์การคุ้มครองผู้บริโภค (Consumer Protection Guarantee) พ.ศ.2555 เพื่อให้กับผู้ประกอบธุรกิจที่ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายและมีการประกันการเยียวยาชดเชยความเสียหายให้แก่ผู้บริโภค



ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ สคบ. กำหนด และป้องกันการเข้าใจผิดของผู้บริโภค สคบ.จึงได้ออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เรื่อง การใช้ตราสัญลักษณ์ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ประกาศ ณ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2562 ให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบประกาศเกียรติคุณและตราสัญลักษณ์ สคบ.คุ้มครองผู้บริโภค Consumer Protection (ตราสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยม) และตราสัญลักษณ์ สคบ.คุ้มครองผู้บริโภค Consumer Protection Guarantee Kingdom Of Thailand (ตราสัญลักษณ์รูปวงกลม) ระหว่างปี พ.ศ.2545-2556 ให้ยุติการแสดงประกาศเกียรติคุณและตราสัญลักษณ์ทั้งสองประเภท ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2563

Visi ปิดดีลจบ ดูดแม่ทีมเบอร์ 1 ค่าย A4S ร่วมทัพ ฉลองปีใหม่ 2020


Visi ปิดดีลจบ ดูดแม่ทีมเบอร์ 1 ค่าย A4S ร่วมทัพรับปีใหม่ 2020


เปิดตัวกันไปแล้ว!! หลังจากแอบไปนั่งตกลงเงื่อนไขการย้ายทีม ด้วยเงื่อนไขแบบยกทีมกันในครั้งนี้ของ “อภิชา รัตนกุลวินิช” หรือ อ.โอ ที่ตัดสินใจถอนสมอเรือจากการเป็นเบอร์หนึ่งค่าย A4S ของ “วรเศรษฐ์ สว่างทรัพย์” หรือที่รู้จักกันในนาม “นิติ สว่างทรัพย์” มาร่วมหัวจมท้ายกับค่าย Visi ที่มี “ชิตวัฒน์ สุขชัย” หรือ ตี๋ ผู้บุกเบิก Visi ไทยแลนด์ นั่งแท่นเป็นเบอร์ 1 จากเมืองลุงแซม




ปิดดีลเงื่อนไขของแม่ทีมใหญ่ในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องปกติของธุรกิจเครือข่ายโดยเฉพาะในเมืองไทย เพราะถ้าเมื่อเรือกำลังจะจม ทุกคนก็ต้องเอาตัวรอด ส่วนจะอ้างเหตุผลข้อไหนมาอธิบายเพื่อให้ดูดีนั้น ก็ค่อยไปว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง


แต่ที่แน่ๆ ดีลนี้มีออฟชั่นพิเศษที่คนฟัง ยากจะปฏิเสธ..โดยคนที่เปิดดีลนี้มาจาก “ยุทธพงษ์ไชย ใจแก้ว” เจ้าของฉายา “เจ้าพ่อร้อยค่าย” ที่มาบุกเบิกกรุยทางไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งหากจะว่าไปการเจรจาระหว่าง “อภิชา VS ชิตวัฒน์” ปิดดีลลงตัว ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมากนัก เพราะทั้ง “ยุทธพงษ์ไชย-อภิชา” ก็เคยร่วมงานกันตอนอยู่ค่าย A4S กันมาก่อน ซึ่งตอนนั้น “อภิชา” เอง ก็เป็นคนชักนำ “ยุทธพงษ์ไชย” เข้าไปร่วมชายคาบ้าน A4S มาแล้ว



ประเด็นสำคัญ!! ไม่ใช่เรื่องการย้ายค่ายของแม่ทีมเบอร์ 1 อย่าง “อภิชา” แต่เป็นการยืนหยัดของค่าย A4S โดยเฉพาะ นิติ สว่างทรัพย์” ที่จากนี้ไปเชื่อว่าจะต้องออกมาปรับกระบวนทัพกันแบบล้างบาง หลังต้องสูญเสียแม่ทัพนายกองไปชุดใหญ่ โดยก่อนหน้านี้ไม่นานก็เพิ่งถูก “ชนิดา-ณัฐธรินทร์ บูรณะบุตร” ดูดแม่ทีมไปเซทใหญ่ จึงน่าจับตาแบบเกาะติด (ไม่) คิดตังค์ว่า ค่าย A4S จะปรับกลยุทธ์การตลาดรุกสู้ต่อ หรือจะปล่อยให้เรือลำนี้ค่อยๆ จมไป???



แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ!! โดย เฮียรอง..สี่แยก


วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563

‘เทียนส์’ ยกธงขาว ปิดกิจการขายตรงในไทย ฉลองรับปี 2020


เทียนส์ ยกธงขาว ปิดกิจการขายตรงในไทย


เทียนส์ บริษัทขายตรงยักษ์ใหญ่สัญชาติจีน ประกาศยุติการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างเป็นทางการมีผลตั้งแต่ 27 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยสาเหตุการปิดกิจการในครั้งนี้มาจากผลประกอบการในประเทศไทยไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่สำนักงานใหญ่ในประเทศจีนตั้งไว้ จึงทำให้บริษัทแม่สั่งปิดกิจการดังกล่าว
โดยในประกาศของบริษัทระบุว่า ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า บริษัท เทียนส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีมติให้ยกเลิกบริษัทฯ นี้ ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป
จึงประกาศให้สมาชิกของบริษัทฯ ที่ได้ซื้อสินค้าไป สามารถนำสินค้ามาคืนภายใน 7 วัน (นับจากวันที่ซื้อสินค้า) และสำหรับสมาชิกที่ยังคงสนใจดำเนินธุรกิจต่อ ท่านสามารถแจ้งชื่อ-นามสกุล, รหัสสมาชิกและประเทศที่ท่านประสงค์จะย้ายเพื่อดำเนินธุรกิจต่อไป มายังบริษัทฯ ภายในวันที่ 20 ธันวาคม 2562 เท่านั้น หากไม่มีการแจ้งย้ายประเทศรหัสของท่านจะถูกยกเลิกอัตโนมัติ จะไม่สามารถใช้ซื้อสินค้าในสาขาต่างประเทศได้อีกต่อไป
ขอขอบพระคุณนักธุรกิจทุกท่านที่ได้ให้การสนับสนุนบริษัทฯ มาโดยตลอด จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2563 ลงชื่อ กรรมการ


ทั้งนี้ อดีตผู้นำระดับสูงของเทียนส์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า สาเหตุการปิดการของบริษัทเทียนส์ (ประเทศไทย) มาจากการบริหารงานผิดพลาดของผู้บริหารเมืองไทย

“ผู้จัดการที่มาบริหารในไทยสามารถสร้างทีมเป็นผู้นำแข่งกันผู้นำในไทยได้ด้วย ล่าสุดออกกฎให้ผู้นำทุกคนรักษายอดรายปีใหม่ และยังตัดรหัสที่เป็นคนไทยออกไปเยอะมาก ทีมผมโดนตัดรหัสไปประมาณ​ 20,000 คนได้ แล้วสำนักงานใหญ่ก็แปลกครับ อนุมัติการตัดรหัสโดยที่ไม่แจ้งผู้นำคนไทยก่อนเลย”

“สนง.ใหญ่ก็ยังดันทุรังให้ผู้บริหารคนนี้อยู่ต่อไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เขาทำงานกับใครไม่ได้เลยเป็นเวลา 1 ปี จนโดนเชิญออก เพราะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย สินค้าก็ขาด นำเข้าไม่ได้ แต่ตอนนั้นตัดรหัสคนไทยไปเกือบหมดแล้ว จึงไม่มีคนทำต่อ”

สำหรับ บริษัท เทียนส์ ก่อตั้งโดย มร.หลี่ จิน-หยวน (Li Jin-Yuan) ภายใต้ชื่อกลุ่มบริษัท Tiens เทียน จิน (ประเทศจีน) จำกัด ในปี ค.ศ. 1995 (เรียกย่อว่า กลุ่มบริษัท Tiens) และเริ่มบุกเบิกตลาดต่างประเทศตั้งแต่ปี 1998 ในเดือนเมษายนปี 2005 บริษัทเทียนส์ได้เริ่มเข้าสู่ตลาด AMEX อย่างเป็นทางการ ซึ่ง AMEX ถือเป็นกระดานการซื้อขายหลักทรัพย์หลักของประเทศสหรัฐอเมริกา และยังมีบริษัทลูกเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ถึง 8 แห่ง รวมทั้ง AMEX ของอเมริกา
-เทียนส์ มีโรงงานและสถาบันวิจัยพัฒนาใหญ่ที่สุดด้วยเงินลงทุนกว่า 23,000 ล้านบาท
-เทียนส์มียอดขายทั่วโลกนับแสนล้านบาทใน 190 ประเทศทั่วโลก
- เทียนส์เป็นบริษัทเดียวในโลกในธุรกิจเครือข่ายที่ยอมแบ่งยอดขายมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ให้สมาชิกด้วยไปตลอดชีวิต
-เทียนส์ยังเป็นบริษัทขายตรงที่แจกรถยนต์ฟรี อันดับ 1 ของโลก  
-เทียนส์เข้าร่วมกับสมาคมขายตรงโลก โดยมร.หลี่ จิน-หยวนประธานบริษัทนั่งเป็นคณะกรรมการของสมาคมขายตรงโลกด้วย



ขณะที่เทียนส์ได้เข้ามาเปิดดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อปี 2550 และปิดกิจการในปี 2562 รวมระยะเวลาที่เปิดดำเนินธุรกิจในไทย 12 ปี โดยเทียนส์ (ประเทศไทย) เคยเป็นบริษัทขายตรงที่น่าจับตามองอย่างมาก เนื่องจากมีผู้ประสบความสำเร็จและมีรายได้จากธุรกิจเทียนส์เป็นจำนวนมาก