วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2562

4 เทรนด์เครือข่ายปี 2020 ธุรกิจการลงทุน-ดิจิทัล-Forex-ออนไลน์ มาแรง


4 เทรนด์เครือข่ายปี 2020 ธุรกิจการลงทุน-ดิจิทัล-Forex-ออนไลน์

ในปี 2020 เป็นอีกปีที่ธุรกิจเครือข่ายในเมืองไทยต้องปรับตัวแบบ 360 องศา เพราะหากยังดำเนินธุรกิจแบบเดิมๆ เชื่อได้เลยว่า ต้องตายจากธุรกิจนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้
วันนี้ทีมงานฟีดข่าว.com จะสรุปเทรนด์ธุรกิจเครือข่ายที่มาแรงในปี 2020 มาให้ได้รับชมกัน มาเริ่มกันเลย!!

>>อันดับ 1<< 
ธุรกิจเครือข่ายเน้นลงทุน แบบไม่ต้องชวนคน ยังเป็นธุรกิจเครือข่ายที่มาแรงอย่างต่อเนื่องจากปี 2019 โดยธุรกิจในแนวนี้จะขายความแตกต่างจากธุรกิจเดิมๆ ที่ต้องชวนคน แต่เน้นเรื่องของการลงทุนเป็นหลัก โดยจะชี้ให้เห็นถึงการไม่ต้องชวนคน ก็สามารถมีรายได้ได้จริง



>>ธุรกิจแนวนี้ เน้นการลงทุนเป็นหลัก โดยเสนอจ่ายเป็นผลตอบแทนเป็นรายสัปดาห์-เดือน-ปี รับกี่ครั้งว่ากันไป
>>ธุรกิจแนวนี้มีสินค้าให้ ไม่ใช่เป็นการลงทุนเพียงอย่างเดียว เพื่อป้องกันข้อครหาที่ว่า เป็นธุรกิจที่ไม่ถูกต้อง
>>ถ้าอยากมีรับเงินปันผลตอบแทนเพิ่มมากขึ้น คุณก็ต้องลงทุนเพิ่มตามความต้องการ เช่น จากเดิมลงทุนเพียงแค่ 1,000 บาท รับเงินปันผลสัปดาห์ละ 100 บาทเป็นเวลา 15 สัปดาห์ ถ้าอยากมีได้เงินเพิ่มขึ้นจะต้องลงทุนเพิ่ม หลักหมื่น หลักแสน ก็จะได้รับเงินปันผลเพิ่มขึ้นตาม
>>ที่สำคัญไปกว่านั้น หากคุณไปแนะนำคนอื่นมาลงทุนภายใต้สายงาน ก็จะมีรายได้มากขึ้น ซึ่งกว่าการลงทุนเพียงอย่างเดียว และสามารถมีรายได้ตลอดไป หรือที่ชอบเรียกกันว่า Passive Income (สุดท้ายก็เน้นการชวนคนอยู่ดี ฮ่าฮ่าฮ่า)
>>ปัจจุบันมีธุรกิจที่เน้นการลงทุนทั้งที่เป็นบริษัทขายตรงที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ปรับแผนการจ่ายผลตอบแทนโดยเพื่อการลงทุนเข้ามาอยู่ในแผนการจ่ายผลตอบแทนด้วย นอกจากนี้ยังมีบริษัทที่ไม่ได้ผ่านการรับรองจากสคบ.ที่มองเห็นโอกาส เปิดดำเนินธุรกิจกันเป็นจำนวนมาก
>>ข้อควรระวัง ใครที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจแนวนี้ต้องระวังตัวให้ดี เพราะหากพลาดมาจะไปร้องเรียนกับหน่วยงานของภาครัฐ โดยอ้างว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้ เพราะเงินอยู่ในกระเป๋าคุณ คุณเอาไปลงทุนเอง ก็ต้องรับความเสี่ยงกันเองละครับ

>>อันดับ 2<<
ธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ (แอพลิเคชั่น) ในปี 2020 ธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นธุรกิจที่มาแรงไม่แพ้กัน เพราะด้วยเทรนด์การตลาดโลกมาทางนี้กันหมด จึงไม่แปลกใจที่จะมีผู้คนเข้าสู่ธุรกิจแนวนี้กันเป็นจำนวนมากขึ้น จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เน้นความสะดวกสบายในการสั่งซื้อสินค้า ดังนั้นธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์จึงมาตอบโจทย์ให้กับผู้ซื้อ


>>เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องสต็อกสินค้า ไม่ต้องเสียเวลาไปสาธิตสินค้า ขายไอเดียผ่านมือถือหรือแท็บเลตก็โอเคแล้ว
>>เน้นการสร้างรายได้แบบไร้ขีดจำกัด เพียงแค่ส่งลิงค์ไปให้กับผู้สนใจมาซื้อสินค้าผ่านทางแอพฯ ยิ่งคนใต้ทีมงานเรามาซื้อสินค้าผ่านช่องทางนี้ ก็จะยิ่งมีรายได้มากขึ้น
>>สามารถเลือกการลงทุนได้ตามความต้องการตามเงินในกระเป๋า เริ่มตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักแสนบาท เพื่อเลือกรับรายได้ตามแผนการจ่ายผลตอบแทน
>>ข้อควรระวัง ปี 2020 จะมีธุรกิจแนวนี้ที่เป็นบริษัทฟอร์มใหญ่เกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 3-4 บริษัท ต้องมาดูกันว่าใครจะเป็นของจริง หรือเป็นเพียงแค่อิงกระแสธุรกิจแนวนี้เท่านั้น

>>อันดับ 3 <<
ธุรกิจเครือข่ายเทรดสกุลเงินต่างประเทศ หรือ ฟอเร็กซ์ (Forex) เป็นธุรกิจที่กระแสมาแรงต่อเนื่อง เพราะคนในวงธุรกิจเครือข่ายขายตรงเริ่มเบื่อและเมื่อยล้าในการทำธุรกิจมานาน จึงผันตัวเองไปเป็น Investor หรือนักลงทุน ประกอบกับการเทรดฟอเร็กซ์เริ่มเป็นที่นิยมกันมากขึ้น จึงมีผู้ประกอบการหัวใสในการนำรูปแบบของธุรกิจฟอเร็กซ์ที่เน้นการเอาเงินต่อเงิน ชวนกันมาเทรดกันมากขึ้น


          >> ไม่ต้องไปนั่งประชุม ไม่ต้องไปสาธิตสินค้า ไม่ต้องรักษายอด สามารถสร้างรายได้แบบไร้ขีดจำกัดได้
>>ไม่ต้องออกจากบ้าน นั่งเทรดอยู่บ้านก็มีรายได้ได้ อยากมีรายได้เท่าใดก็สามารถทำได้
>>อีกอย่าง หากคุณชวนคนมาเทรด ทางโบรกเกอร์จะจ่ายเงินค่าน้ำคืนกลับมาให้ในรูปแบบของค่า IB โดยในปี 2020 จะมีบริษัทขายตรงหรือโบรกเกอร์เข้ามาเปิดดำเนินธุรกิจรับฝากเทรดฟอเร็กซ์ และเทรดเองไม่ต่ำกว่า 4-5 บริษัท โดยจะนำรูปแบบการจ่ายผลตอบแทนของธุรกิจเครือข่ายมาเป็นตัวเรียกแขก
>>ข้อควรระวัง โบรกเกอร์ที่คุณเอาเงินไปเปิดพอร์ตเทรด 2 มีแบบ ได้แก่ แบบของจริง และไม่จริง กล่าวคือ โบรกเกอร์ที่เป็นของจริงจะส่งยอดเงินที่คุณฝากเข้าไปส่งแบงค์ 100% ซึ่งในเมืองไทยมีโบรกเกอร์ประเภทนี้ไม่มากนัก ส่วนโบรกเกอร์ไม่ใช่ของจริง จะรับกินเอง โดยการเปิดไปจ้างโปรแกรมเมอร์เขียนกระดานเทรดขึ้นมาใหม่ เพื่อหลอกกินเงินนักเทรด หรืออาจจะรับฝากเทรด โดยเสนอการคืนกำไรให้เดือนละกี่ % ซึ่งถ้าหากเจอในลักษณะดังกล่าวให้พึ่งระวัง!! อาจจ่ายคืนให้กับคุณได้ไม่ครบตามที่คุยกันไว้

>>อันดับ 4 <<
ธุรกิจเครือข่ายขายตรงออนไลน์ ในปี 2020 มีบริษัทเครือข่ายทั้งขายตรงเปิดใหม่ที่ใช้ระบบออนไลน์เป็นตัวเรียกแขก และบริษัทขายตรงเจ้าเดิมที่ปรับระบบการทำงานใหม่ โดยนำระบบออนไลน์มาเป็นเครื่องมือเพื่อดึงฐานลูกค้าใหม่เข้ามา ซึ่งในปี 2020 มีบริษัทขายตรงน้องใหม่ทั้งในไทยและจากต่างประเทศเข้ามาบุกตลาดในประเทศไทยกันอีกเพียบ


          >>บริษัทขายตรงอาศัยกระแสของธุรกิจขายของออนไลน์มาแรง จึงได้นำรูปแบบของการทำธุรกิจออนไลน์มาผสมกับธุรกิจเครือข่าย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
>>งานออนไลน์ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าสู่ธุรกิจเครือข่ายมาก
>>ทำงานอยู่บ้านก็สามารถสปอนเซอร์ และขายสินค้าได้ โดยไม่ต้องออกไปข้างนอกก็ได้
>>คนตกงานมากขึ้น ดังนั้นธุรกิจเครือข่ายออนไลน์จึงตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนที่อยากมีรายได้ สร้างงานสร้างอาชีพได้
>>ข้อควรระวัง ธุรกิจออนไลน์มีข้อจำกัดในการทำตลาดค่อนข้างมาก เช่น สินค้าต้องแปลกใหม่ และเป็นนวัตกรรมตรงกับความต้องการของตลาด ระบบการจัดส่งสินค้า และการดรอปซิพสำหรับคนที่ไม่มีเงินลงทุนในช่วงเริ่มต้น เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เทรนด์ธุรกิจเครือข่ายที่กล่าวมาข้างต้นก็ใช่ว่า จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ เพราะเหรียญยังมี 2 ด้าน เช่นเดียวกับธุรกิจย่อมมีทั้งดีและไม่ดีเสมอ เพราะฉะนั้นผู้บริโภคจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเอง หากตัดสินใจผิดพลาดก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

เรียบเรียงโดย ทีมงานฟีดข่าว
                     

วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2562

อัพเดท!! รายชื่อผู้ประกอบการขายตรง และตลาดแบบตรงที่วางหลักประกันตามกฎกระทรวง (ข้อมูล ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2562)


อัพเดท!! รายชื่อผู้ประกอบการขายตรง และตลาดแบบตรงที่วางหลักประกันตามกฎกระทรวง (ข้อมูล ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2562)


สคบ.เปิดรายชื่อผู้ประกอบการขายตรง 478 ราย และผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง 380 ราย ที่จดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และได้วางหลักประกันตามกฎกระทรวง การวางหลักประกันการประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2561


ผู้ประกอบการขายตรง 478 ราย



















ผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง 380 ราย



















วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2562

คืนความสะอาดสู่ธรรมชาติ ปตท. จับมือ WHAUP ให้บริการบำบัดน้ำเสีย ภายในโครงการ EECi วังจันทร์วัลเลย์


ปตท. จับมือ WHAUP  ให้บริการบำบัดน้ำเสีย ภายในโครงการ EECi วังจันทร์วัลเลย์



นายชาญศิลป์  ตรีนุชกร (ที่ 3 จากซ้าย)  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)  และ นางสาวจรีพร จารุกรสกุล (ที่ 3 จากขวา) ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาเช่าที่ดินเพื่อประกอบกิจการและให้บริการบำบัดน้ำเสียภายในโครงการ EECi วังจันทร์วัลเลย์ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กับบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)  โดยมี  นายวิเศษ จูงวัฒนา (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ  นายวรานล เหล่าสุวรรณ (ขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจสาธารณูปโภค  บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) นายวิทวัส สวัสดิ์-ชูโต (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม นางเบญญาภรณ์ จารุจินดา (ซ้าย) ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ เพื่อเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนาม

วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2562

"นิว ไลฟ์ เวิลด์ไวด์" เปิดทาง TV Direct เข้าถือหุ้นลุยธุรกิจขายตรงต่อ แปลงร่างกลายเป็น “โกลบอลวัน คอร์ปอเรชั่น”


ปิดตำนาน!! "นิว ไลฟ์ เวิลด์ไวด์" เปิดทาง TV Direct เข้าถือหุ้นลุยธุรกิจขายตรงต่อ แปลงร่างกลายเป็น “โกลบอลวัน คอร์ปอเรชั่น” ดึงผ่องเพื่อนเข้ามาร่วมสร้างสีสัน


กลายเป็นตำนานขายตรงสัญชาติไทยที่ต้องม้วนเสื่อเก็บ หลังจากทนพิษเศรษฐกิจและปัญหาผู้นำแห่ย้ายค่ายหนีไม่ไหว ล่าสุด “สุเทพ ยืนยงค์วิทยากุล” ประธานบริษัท ตัดสินใจเปิดทางให้กลุ่มผ่องเพื่อนเข้ามาช่วยกู้วิกฤต ด้วยการขายหุ้นให้กับกลุ่ม TV Direct เข้ามาถือหุ้น เพื่อเดินหน้ากรุยตลาดขายตรงต่อ

ทั้งนี้กลุ่มทุนใหม่ที่เข้ามาช่วยกู้วิกฤตในครั้งนี้ประกอบด้วย ทรงพล ชัญมาตรกิจ, พีรเจต สุวรรณภาศรี, วิเชียร มานะพงศ์พันธ์ และ เลิศพงศ์ ยงธนารัตน์ โดย สุเทพ ยืนยงค์วิทยากุล นั่งเก้าอี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

การเข้ามาของกลุ่มทุนใหม่ มีเป้าหมายหลักแต่งตัวเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า โดยจุดเด่นของ โกลบอลวัน คอร์ปอเรชั่น ประกอบด้วยแผนการจ่ายผลตอบแทนแบบไฮบริดรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานระหว่างยูนิเลเวล และไบนารี่ รวมถึงสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เตรียมจะปล่อยออกมากระชากยอดขายเร็วๆ นี้

จากนี้ไปจึงน่าจับตาอย่างมากว่า การที่ นิวไลฟ์ เวิลด์ไวด์ ได้กลุ่มทุนใหม่เข้ามาช่วย และปรับภาพลักษณ์ใหม่ภายใต้ชื่อใหม่ “โกลบอลวัน” จะผงาดขึ้นมาติดทำเนียบแถวหน้าธุรกิจขายตรงได้หรือไม่

“โกแบร์” เปิดตัวแคมเปญใหม่ “GoBear Fin Detective สืบฟินวินทุกเรื่องเงิน” ลอนซ์ 3 คลิปวิดีโอแนะวิธีรับมือปัญหาการเงิน


“โกแบร์” เปิดตัวแคมเปญใหม่ “GoBear Fin Detective สืบฟินวินทุกเรื่องเงิน” ลอนซ์ 3 คลิปวิดีโอแนะวิธีรับมือปัญหาการเงิน


ยุคนี้ แทบทุกสถาบันการเงินจะชักชวนให้ลูกค้าเข้ารับการตรวจสุขภาพทางการเงิน เพื่อประเมินตนเองเกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆ ทั้งรายได้ รายจ่าย เงินออม เงินลงทุน เพื่อให้เราสามารถบริหารจัดการและวางแผนด้านการเงิน จะได้ไม่ต้องเผชิญกับปัญหารายรับไม่พอรายจ่าย ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีสภาพคล่องทางการเงิน และเกษียณไม่ได้เพราะไม่มีเงินเก็บเพียงพอเนื่องจากขาดการวางแผนด้านการเงินรองรับวัยเกษียณ

ผลสำรวจสุขภาพทางการเงินของคนไทยหรือ GoBear Financial Health Index โดยเว็บไซต์ โกแบร์ (GoBear.com/th) เว็บไซต์เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ใช้ง่าย ใช้ฟรี และเป็นกลาง ซึ่งได้จัดทำขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาพบว่า คะแนนการประเมินสุขภาพทางการเงินโดยรวมของคนไทยอยู่ที่ระดับ 61% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถพัฒนาให้เพิ่มขึ้นได้อีก ทั้งนี้เป็นเพราะคนไทยจำนวนมากยังมีความรู้ด้านการเงินไม่เพียงพอที่จะบริหารจัดการด้านการเงินเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการได้ ซึ่งปัญหาหลักๆ ด้านการเงินของคนไทยแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม คือ ปัญหารายจ่ายสูงกว่ารายได้ ปัญหาการขาดสภาพคล่องของเงินสดในมือ การขาดการวางแผนด้านการเงินในวัยเกษียณ และการขาดความรู้อย่างจริงจังในเรื่องของการเงิน



จากปัญหาดังกล่าว โกแบร์จึงได้จัดทำแคมเปญ “GoBear Fin Detective #สืบฟินวินทุกเรื่องเงิน” ด้วยการเผยแพร่คลิปวิดีโอ 3 เรื่อง ที่จะทำให้เราเข้าใจและจัดการปัญหาทางการเงินได้ดีขึ้น นำเสนอเรื่องราวที่สนุกและน่าติดตามผ่านพี่หมีนักสืบโกแบร์ที่จะพาเราสืบฟิน วินทุกเรื่องการเงินไปด้วยกัน ประเดิมเรื่องแรกด้วยเรื่อง ใช้เงินยังไงให้ถึงสิ้นเดือน” ที่พี่หมีนักสืบโกแบร์ได้มาชี้ให้เห็นถึงวิธีบริหารจัดการเงินเดือนในแต่ละเดือน และแนะนำว่าควรจัดสรรปันส่วนเงินเดือนที่ได้มาอย่างไร ที่จะทำให้มีทั้งเงินเก็บและมีเงินพอใช้ไปจนถึงสิ้นเดือนโดยไม่ต้องไปหยิบยืมใคร ซึ่งขณะนี้ออนแอร์ให้ได้ชมกันแล้วทางเฟซบุ๊ก http://bit.ly/gobearfindetectiveEP1

ส่วนเรื่องที่สอง ลงทุนเริ่มต้นด้วยเงิน 1,000 บาท” จะเริ่มออนแอร์ต้นเดือนธันวาคม และจะตามมาด้วยเรื่องที่สาม วิธีหลีกหนี้” ออนแอร์ต้นเดือนมกราคม 2563 เนื้อหาจะเป็นอย่างไร ติดตามชมกันได้ ทางเฟซบุ๊ก GoBearThailand







ยอดจองรถมาสด้างานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2019 พุ่งเฉียด 4,000 คัน ชี้กำลังซื้อของลูกค้ายังดี มั่นใจปี 2020 ทิศทางเศรษฐกิจไทยยังไปต่อ


ยอดจองรถมาสด้างานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2019 พุ่งเฉียด 4,000 คัน ชี้กำลังซื้อของลูกค้ายังดี มั่นใจปี 2020 ทิศทางเศรษฐกิจไทยยังไปต่อ



นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2019 ประสบความสำเร็จทั้งจำนวนผู้เข้าชมงานและจำนวนยอดจอง โดยเฉพาะรถยนต์มาสด้ามียอดจองเข้ามาสูงถึง 3,998 คัน และที่ร้อนแรงมากที่สุด คือ มาสด้า2 ใหม่ ที่เปิดตัวในงานดังกล่าวมียอดจองสูงสุดถึง 2,209 คัน ถัดมาเป็นรุ่นมาสด้า3 ใหม่ มียอดจองสูงถึง 780 คัน ส่วนรถอเนกประสงค์ 3-row crossover SUV มาสด้า CX-8 ใหม่ มียอดจองสูงถึง 442 คัน และรถอเนกประสงค์เอสยูวีอย่าง มาสด้า CX-5 ใหม่ มียอดจอง 245 คัน, มาสด้า CX-3 จำนวน 240 คัน, ปิกอัพมาสด้า BT-50 PRO จำนวน 79 คัน ส่วนรถสปอร์ตโรดสเตอร์มาสด้า MX-5 จำนวน 3 คัน ทั้งนี้มาสด้ากำลังเร่งดำเนินการเพื่อส่งมอบรถใหม่ถึงมือลูกค้าให้เร็วที่สุด

บรรยากาศภายในบูธมาสด้าตลอด 12 วัน มีความคึกคักมากกว่าที่คาดการณ์ สืบเนื่องจากการที่มาสด้าเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในเวลาใกล้เคียงกันถึง 4 รุ่น ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ผนวกกับดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่น ส่งผลให้ลูกค้าเข้าเยี่ยมชมบูธอย่างเนืองแน่น ซึ่งลูกค้าที่ได้สัมผัสกับรถคันจริงต่างชื่นชมในความหรูหราของห้องโดยสารที่อัดแน่นไปด้วยวัสดุคุณภาพสูง อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มอบความสะดวกสบายให้ทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ส่งผลให้ยอดจองในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2019 สูงเกือบ 4,000 คัน



นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า จากตัวเลขยอดจองที่เกิดขึ้นทำให้เรายังมองเห็นกำลังซื้อของลูกค้าที่ยังคงมีอยู่อีกมาก สามารถบ่งชี้ได้ว่าสภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยยังมีทิศทางที่สดใส เพียงแต่ผู้บริโภคต้องการความเชื่อมั่นเท่านั้น และแม้จะสิ้นสุดมหกรรมงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป ไปแล้ว มาสด้ายินดีที่จะส่งมอบความสุขให้ลูกค้าต่อเนื่องไปจนถึงวันสุดท้ายของปี ด้วยการขยายระยะเวลาแคมเปญ Mazda Festive Moment กับอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 0% นานสูงสุด 6 ปี ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance นาน 1 ปี ทุกรุ่น และโปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพ Mazda Added Protection สูงสุด 5 ปี ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม นี้ ลูกค้าสามารถทดลองขับขี่และรับความพิเศษนี้ได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ